ตลอด 200,000 ปีบนโลก มนุษยชาติพลิกผันดุลยภาพของดาวดวงนี้ ซึ่งกว่าจะเข้ารูปเข้ารอยก็ต้องอาศัยวิวัฒนาการเกือบ 4 พันล้านปี ทุกวันนี้คือเวลาแห่งการชดใช้อย่างสาสม และสายเกินกว่าจะคร่ำครวญ
มนุษยชาติเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 ปีเพื่อกลับตัวกลับใจ เพื่อตระหนักถึงความอุดมสมบูรณ์ของโลกที่สูญสิ้นไปทุกหย่อมหญ้า และเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการผลาญทรัพยากร
นอกจากจะได้เห็นฟุตเทจแปลกตาซึ่งรวบรวมมาจากเหนือพื้นดินของกว่า 50 ประเทศ รวมถึงได้ร่วมแบ่งปันความพิศวงสงสัยและความกังวลใจ ญานน์ อาร์ทูส์-แบร์ทรองด์ ยังหวังว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูบ้านหลัง ใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง
· -20% ของประชากรโลกถลุงทรัพยาการของดาวดวงนี้ไปถึง 80%
· - ทั้งโลกใช้จ่ายด้านยุทโธปกรณ์มากกว่านำเงินไปช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาถึง 12 เท่า
· - 1 พันล้านคนกำลังหิวโหย
· -กว่า 50% ของเมล็ดธัญพืชที่ซื้อขายกันทั่วโลกใช้เป็นอาหารสัตว์และผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ
· -ทุกๆ ปี พื้นที่ป่าสูญหายไป 13 ล้านเฮกตาร์
· -1 ใน 4 ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, 1 ใน 8 ของนก และ 1 ใน 3 ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำใกล้จะสูญพันธุ์
· -ผลิตผลทางการประมงลดน้อยลง สูญสิ้น หรือเสี่ยงต่อการสูญสิ้นถึง 75%
· -ตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติ อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานับว่าสูงที่สุด
· -แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกบางลงถึง 40% ในระยะเวลา 40 ปี
· -ก่อนถึงปี 2050 คาดว่าจะมีผู้ลี้ภัยจากสภาพอากาศอันเลวร้าย 200 ล้านคน
นานๆ ผมจะได้ดูสารคดีแบบนี้ ต้องยอมรับว่าเทคนิคการถ่ายทำมันน่าสนใจจนผมไม่ละสายตาไปจากจอภาพ เนื้อหาที่ใส่ลงมาในสารคดีแน่นและเยอะมาก แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่าติดตาม เพราะเขาได้ใช้ภาพช่วยในการเล่าเรื่อง ซึ่งภาพมันแตกต่างจากสารคดีในแนวเดียวกันกับเรื่องอื่นๆ ผมคิดว่ามันช่วยดึงดูดความสนใจได้ดีทีเดียว
ดังจะเห็นได้จากนักศึกษาในห้องเรียนที่มีการพูดคุยตอบโต้กันไปมาในเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของฝีมือมนุษย์ ผมไม่รู้ว่าสารคดีเรื่องนี้จะช่วยกระตุ้นให้มนุษย์ในยุคอุตสาหกรรมนี้สำนึกหรือตระหนักในสิ่งที่ได้ทำลงไปหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยสร้างประโยชน์และคุณค่ากับหลายๆคนอย่างมหาศาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น