แนวคิดของ Dr. David Fisher
เวลาถือเป็นปัจจัยที่สำคัญของชีวิตเนื่องจากเป็นองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกับปัจจัยหลายอย่างมากมาย ประดิษฐ์กรรมอาคารสูงแบบใหม่ หรือ Rotating Tower นี้ “ก่อเกิดจากชีวิตและมิติด้านเวลา” ถือเป็น “สถาปัตยกรรมใหม่แห่งยุคอย่างแท้จริง” แนวความคิดเกี่ยวกับการใช้พื้นที่เติบโตขึ้นไปพร้อมกับเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาคารเหล่านี้จึงเป็นอาคารแบบพลวัตรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด Dr. Fisher ได้กล่าวถึง Rotating Towers ของตนเองว่าเป็น “ผลงานแห่งชีวิตที่สร้างสรรค์โดยกาลเวลา”
โดยสิ่งที่ Dr. Fisher ต้องการสื่อให้เห็นก็คือเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตและการอยู่อาศัยของมนุษย์โดยมีสถาปัตยกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลางในการออกแบบเป็นสื่อที่แสดงให้เห็นถึงแนวความคิดของ Dr. Fisher
ลักษณะอาคาร
เป็นอาคารแบบ 80 ชั้น ห้องชุดภายในจะมีขนาดตั้งแต่ 124 ตารางเมตร (1,334ตารางฟุต) ไปจนถึงห้องพักหรู “เพนท์เอาส์” ขนาด 1,200 ตารางเมตร (12,900 ตารางฟุต) พร้อมด้วยพื้นที่สำหรับจอดรถภายในตัว
อาคารหลังนี้ออกแบบและสามารถผลิตสำเร็จรูปได้จากโรงงาน ช่วยให้ผลิตชิ้นส่วนสำเร็จได้จากโรงงานส่งถึงไซต์ เพื่อการติดตั้งได้ในทันทีด้วยชุดอุปกรณ์พิเศษ ทั้งพื้นผนัง เพดาน ชุดเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงระบบไฟฟ้า ระบำบำบัดน้ำเสีย ครบถ้วนในเวลาอันสั้น จึงมีมาตรฐานคุณภาพสูง
Dynamic Tower คือนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถผลิตไฟฟ้าใช้เอง และยังสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอาคารใกล้เคียง คุณสมบัติดังกล่าวเกิดขึ้นได้โดยอาศัยชุดกังหันลมที่ติดตั้งระหว่างจุดหมุนของพื้นที่แต่ละชั้น มีกังหันลมมากถึง 79 ตัว นับเป็นอาคารผลิตไฟฟ้าเชิงนิเวศน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การที่ตัวตึกสามารถเคลื่อนที่ได้เกิดจากการอาศัยแรงดันจากกังหันลมที่ติดตั้งอยู่กับแกนกลางคนกรีตของตึก ส่งผลให้ตึกไดนามิค ทาวเวอร์ กลายเป็นตึกแรกในโลกที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงอาคารได้หลากหลายตามต้องการของผู้เป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะต้องการให้ตึกบิดเบี้ยวหรือกลับมาตั้งตรง ซึ่งการหมุนรอบตัวของตึกแต่ละชั้นจะใช้เวลาประมาน 23 ชั่วโมง โดยไม่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกวิงเวียน การหมุนรอบตัวเองครบทั้งตัวตึกทุกชั้น จะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์
นอกจากนั้นสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของตึกนี้คือ การเลือกใช้โครงสร้างสำเร็จรูป ช่วยให้การก่อสร้างเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วชิ้นส่วนอาคารแต่ละชั้นจะถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ล่วงหน้า แล้วจึงส่งมาประกอบเข้ากับโครงสร้างหลัก แต่ละชั้นใช้เวลาติดตั้งเพียง 6 วันเท่านั้น การก่อสร้างด้วยวิธีนี้จึงใช้คนงานน้อยมาก เมื่อเทียบกับการก่อสร้างตามปกติ จากที่ต้องใช้แรงงานและช่างเทคนิคมากถึง 2,000 คน ก็ลดลงเหลือ 680 คนเท่านั้น
ไดนามิค ทาวเวอร์ นอกจากจะโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมแล้ว ยังเป็นอาคารที่สามารถผลิตพลังงานได้เอง โดยแต่ละชั้นได้ติดตั้งกังหันลมตามแนวราบเอาไว้ กังหันแต่ละตัวสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 0.3 เมกะวัตต์ เทียบเท่ากับการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากกังหันลมทั่วไปที่ผลิตได้ 1- 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้พลังงานสำหรับ 50 ครอบครัว
กลุ่มเป้าหมาย
โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยที่ต้องการความหรูหราและเป็นสวนตัว โดยที่อาคารสามารถตอบสนองความต้องการของผู้อาศัยได้ทั้งเรื่องของความต้องการเรื่องการในใช้สอยพื้นที่ต่าง เช่นพื้นที่สำหรับจอดรถ พื้นที่สำหรับการพักผ่อน และยังสามารถตอบสนองความต้องการในเรื่องของมุมมองทัศนียภาพโดยเห็นได้จากจุดเด่นของอาคารที่สามารถหมุนได้ 360 องศา ที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของมุมมองของทัศนียภาพได้ดีที่สุด
ความเป็น Landmark ของเมือง
ด้วยความที่เป็นอาคารมีความสูงถึง 420 เมตร หรือ 80 ชั้น อาคารหมุนได้ 360 องศาและยังมีจุดเด่นในเรื่องของการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง แล้วยังช่วยจ่ายค่าไฟฟ้า ให้กับอาคารใกล้เคียงอีกด้วย คุณสมบัติดังกล่าวเกิดขึ้นได้โดยอาศัยชุดกังหันลมที่ติดตั้งระหว่างจุดหมุนของพื้นที่แต่ละชั้น มีกังหันลมมากถึง 79 ตัว นับเป็นอาคารผลิตไฟฟ้าเชิงนิเวศน์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
สิ่งที่ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความประทับใจ
สิ่งทำทำให้คนที่พบเห็นเกิดความประทับใจคือการที่อาคารนี้มีการคิดถึงความเป็นไปได้ของอาคารที่สามารถหมุนได้ 360 องศา และยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในเรื่องของการผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง